เพลงออนไลน์

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เคล็ดลับคู่ครัว


ปอกแอปเปิ้ลไม่ให้ดำ


เวลาปอกแอปเปิ้ล หรือสาลี่ทิ้งไว้ ผิวของผลไม้ ประเภทนี้จะหมองคล้ำ ยิ่งเวลาผ่านไปความน่ารับประทานก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆป้องกันผิวของผลไม้ดำได้

โดยละลายเกลือประมาณ 1 ช้อนชาลงในน้ำเปล่า 1 ชามแกง นำแอปเปิ้ล หรือสาลี่ที่ปอกเสร็จแล้วลงแช่ทิ้งไว้สักพัก เมื่อนำขึ้นมา จัดใส่จานผิวของผลไม้ก็จะไม่ดำคล้ำค่ะ ลวกผักให้สีเขียวสดใส
แหล่งที่มา :
www.the-than.com
ทำยังไง ให้พริกขี้หนูที่ทุบไว้ไม่เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ


คาดว่าแม่บ้านหลายๆท่านคงเคยเจอกับปัญหา เวลาทำกับข้าว ต้องเตรียมส่วนผสมต่างๆให้ครบก่อนจึงจะเริ่มลงมือปรุง เจ้าพริกขี้หนูเจ้ากรรมทุบหรือหั่นทิ้งไว้ประเดี๋ยวเดียวหันกลับมา ว้า สีดำคล้ำเสียแล้ว ไม่น่าทานเลย ป้องกันได้ง่ายๆเพียงแค่คุณบีบน้ำมะนาวลงบนพริก ใช้ช้อน คนเล็กน้อยให้พอเนื้อพริกโดนน้ำมะนาวเท่านี้พริกขี้หนูก็จะยังคงสีสดใส น่ารับประทานเวลาคุณนำไปปรุง
แหล่งที่มา :
www.the-than.com
การล้างผักสดให้ปลอดภัย
                             
การบริโภคผักสดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ควรระมัดระวังว่าผักสดอาจมีสารพิษตกค้างได้ วันนี้มีวิธีล้างผักสดให้
ปลอดภัยมาบอก...
     1. ปอกเปลือกหรือลอกเปลือกชั้นนอกของผักสดออก แกะเป็นกลีบ หรือแกะใบออกจากต้น
     2. ล้างผักสดด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และคลี่ถูใบ หรือล้างด้วยการใช้น้ำก็อกไหลผ่าน ผักสดนานอย่างน้อย
 2 นาที หรือใช้สารละลายในการล้าง ดังนี้
       - ใช้น้ำยาล้างผัก (ตามวิธีที่ผู้ผลิตแนะนำ) หรือ
       - ใช้น้ำคลอรีน (ผงปูนคลอรีน ครึ่งช้อนชา ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ
       - ใช้น้ำเกลือ (เกลือ 2 ช้อนโต๊ะพูน ต่อน้ำ 4 ลิตร) หรือ
       - ใช้น้ำโซดา (โซเดียมไปคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร) หรือ
       - ใช้น้ำส้มสายชู (น้ำส้มสายชู ครึ่งถ้วย ต่อน้ำ 4 ลิตร)
     ให้เลือกวิธีที่สะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจึงนำผักสดมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ก็สามารถลดหรือขจัดสารพิษออก
จากผักสดได้
     ใครที่อยากบริโภคผักสด สะอาดและปลอดภัย ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.
แหล่งที่มา :
ezythaicooking.com
“น้ำมันพืช” เลือกยังไง ใช้ยังไง
เวลาไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วต้องเลือกซื้อน้ำมันพืชกลับบ้านสักขวดสองขวด มีใครบ้างที่ต้องยืนเลือกอยู่นาน
เพราะน้ำมันพืชนั้นมีหลากหลายประเภท ไม่รู้จะเลือกน้ำมันแบบไหนไปใช้ดี “108 เคล็ดกิน” เลยมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
 มาฝากกัน เผื่อไปซื้อน้ำมันพืชคราวหน้าจะได้เลือกได้ถูกชนิดเสียที
    
       ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกันก่อนว่าน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารนั้นมีอะไรบ้าง จากข้อมูลของสำนักโภชนาการ
 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แบ่งประเภทน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารออกเป็น 2 ชนิด คือ
    
       น้ำมันพืช จะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (ยกเว้นน้ำในมะพร้าว และน้ำมันเมล็ดปาล์ม) ไม่ค่อย
เป็นไขแม้จะแช่ในตู้เย็น แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากใช้
ประกอบอาหารแล้ว
    
       น้ำมันสัตว์ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว เป็นไขง่าย และมีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายแม้จะทิ้งไว้ที่
อุณหภูมิห้อง และนอกจากจะมีกรดไขมันอิ่มตัวมากแล้ว ก็ยังมีคอเลสเตอรอลมากด้วย
    
       ทีนี้มาทำความรู้จักกับน้ำมันพืชที่เราใช้ประกอบอาหารกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เริ่มจาก น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันที่มี
กรดไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในร่างกาย อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอ
 เบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่นได้ น้ำมันมะกอกมีจุดเกิดควันต่ำ (หมายถึง เกิดควันได้ง่าย)
 จึงไม่เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อน นิยมนำมาทำเป็นน้ำสลัด หรือเป็นส่วนประกอบของน้ำสลัด
    
       น้ำมันถั่วเหลือง”, “น้ำมันเมล็ดทานตะวัน”, “น้ำมันข้าวโพด มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง
ไม่เป็นไขที่อุณหภูมิต่ำ แต่ถ้าผ่านความร้อนอุณหภูมิสูงมากจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่าย จึงเหมาะกับการปรุงอาหารที่ใช้
ความร้อนปานกลาง เช่น การผัด หรืออาจนำมาทำน้ำสลัด และมาการีน
    
       น้ำมันรำข้าว”, “น้ำมันเมล็ดฝ้าย”, “น้ำมันปาล์ม เป็นน้ำมันที่ไม่กรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง แต่
มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง จึงทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงได้ แต่ก็เป็นน้ำมันที่เป็นแหล่งวิตามินอี และสามารถทดความร้อนได้สูง 
จึงนิยมใช้สำหรับทอด
    
       แต่นอกเหนือจากน้ำมันที่กล่าวถึงมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ที่ปัจจุบันนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายอีก
อาทิ น้ำมันเมล็ดคำฝอย เป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชที่ใช้ปรุงอาหาร และยัง
มีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติและอาหารเพื่อสุขภาพ
    
       น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก และเป็นไขได้ง่ายเมื่อมีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่ค่อยนิยมนำมา
ปรุงอาหาร แต่จะใช้เพื่อผลิตมาการีนและสบู่
    
       น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่มีหลักฐานว่ามีการใช้มาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งการสกัดน้ำมันงานั้นทำได้ง่ายโดยการบด
ธรรมดา ไม่ต้องผ่านความร้อนเหมือนการทำน้ำมันชนิดอื่น สำหรับการใช้น้ำมันงานั้น ไม่ได้นำมาใช้ผัดหรือทอดโดยตรง
 แต่จะใช้ผสมเพื่อแต่งกลิ่นและรสของอาหาร โดยเฉพาะในอาหารจีน เนื่องจากน้ำมันงามีกลิ่นและรสเฉพาะตัว
    
       หลังจากรู้คุณสมบัติของน้ำมันพืชชนิดต่างๆ แล้ว คราวหลังถ้าจะต้องไปเลือกซื้อน้ำมันพืช ก็ลองสำรวจดูก่อนว่า
ต้องการจะซื้อมาทำอะไร จะได้เลือกชนิดของน้ำมันได้ถูกต้อง
แหล่งที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น